?>
แชร์บทความนี้

เทคนิคเผาผลาญไขมันบนลู่วิ่งให้ได้ผล

การออกกำลังกายบนลู่วิ่ง เป็นวิธีที่ดีในการเผาผลาญแคลอรี่ การวิ่งบนลู่วิ่งเพียง 30 นาทีในทุก ๆ วัน อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเผาผลาญไขมันของเรา ในความเป็นจริงการเดินหรือวิ่งไม่จำเป็นต้องวิ่งเป็นระยะทางหลายกิโลฯ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่สามารถทำได้บนลู่วิ่งไฟฟ้า หรือลู่วิ่งออกกำลังกาย เพราะสามารถปรับความชันได้ และเพิ่มความเข้มข้นในการวิ่ง การเผาผลาญไขมัน นอกจากนี้ยังมีลู่วิ่งหลายแบบให้เราได้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละแบบก็แตกต่างกันออกไป ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับการเลือกลู่วิ่งให้เหมาะสม และเทคนิคเผาผลาญไขมันบนลู่วิ่งกันค่ะ

เลือกลู่วิ่งอย่างไรให้เหมาะกับร่างกาย

การเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักใจเลยทีเดียว

เพราะลู่วิ่งต่างก็มีอยู่มากมาย มีทั้งเกรดที่ใช้งานในบ้าน เกรดที่ใช้งานในฟิตเนส เราจึงควรศึกษาข้อมูลในส่วนนี้ก่อน จะตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งสักตัวนึง

อย่างไรก็ตามเราสามารถเลือกลู่วิ่งให้เหมาะสมได้โดยการเลือกประเภทการออกกำลังกายประกอบกับการตัดสินใจ เพราะลู่วิ่งแต่ละแบบก็สามารถออกกำลังกายแบบ HIIT ได้ หรือออกกำลังกายแบบ เดินเร็ว หรือจ๊อกกิ้งเบา ๆ ได้เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ก็ช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี เช่น สามารถเชื่อมต่อกับบลูทูธเปิดเพลงได้ มีลำโพงในตัว สามารถปรับระดับความสูงชันแบบไฟฟ้าได้ เพิ่มหรือลดความเร็วได้ สามารถพับเก็บได้ มีที่ล็อกโทรศัพท์หรือแท็ปเลตให้ปลอดภัย สามารถวิ่งไปดูยูทูปไป หรือเปิดวิดีโอเพื่อความบันเทิงได้ นอกจากนี้สามารถดูวิธีเลือกซื้อลู่วิ่งเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.irontec.co/treadmill-buying-guide/

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเผาผลาญไขมันและแคลอรี่

น้ำหนักตัวก็มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญไม่ว่าจะเป็นแคลอรี่หรือไขมัน ยิ่งมีน้ำหนักมากก็อาจส่งผลให้การเผาผลาญเป็นไปได้มากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าคุณมีน้ำหนัก 56 กิโลกรัมและวิ่งเป็นเวลา 8 นาที อาจจะช่วยเผาผลาญได้ถึง 375 แคลอรี่ แต่ถ้าหากมีน้ำหนัก 70 กิโลกรัม การเผาผลาญก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 465 แคลอรี่ แต่ถ้าหากคุณมีน้ำหนัก 83 กิโลกรัมอาจเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 555 แคลอรี่เลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สร้างความแตกต่างให้กับการเผาผลาญแคลอรี่และไขมันเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วในการวิ่ง ระดับความชันของลู่วิ่ง ยิ่งความชันสูงเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกายได้มากขึ้น เพราะความเข้มข้นของการออกกำลังกาย คือ ยิ่งหัวใจและปอดทำงานมากเท่าไร เราก็จะยิ่งเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้นเท่านั้นค่ะ

สิ่งที่ต้องทำก่อนเริ่มออกกำลังกายบนลู่วิ่ง

  • เริ่มจากการอบอุ่นร่างกายหรือวอร์มอัพ อย่างน้อย 5 – 10 นาที เพื่อลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และช่วยวิ่งได้นานขึ้น
  • ในช่วงแรกของการเริ่มต้นวิ่ง อาจจะยังไม่ต้องปรับระดับความชัน หรือให้ระดับความชันอยู่ที่ 0 เปอร์เซนต์ก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับการวิ่งบนลู่วิ่งก่อน เมื่อคุ้นชินกับการวิ่งบนลู่วิ่งแล้วค่อยเพิ่มระดับไปเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม แต่ให้เริ่มจากระดับความชันที่ 1 – 2 เปอร์เซนต์ก่อนค่ะ
  • ไม่ควรปรับความเร็วมากเกินไปในช่วงแรกของการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า ควรไต่ระดับความเร็วไปทีละน้อย ๆ ก่อน เพราะหากตั้งความเร็วที่มากเกินไป อาจจะทำให้เราตามความเร็วไม่ทันจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ตรวจสอบและทำความคุ้นเคยกับลักษณะด้านความปลอดภัย และฟังก์ชั่นต่าง ๆ ลองลู่วิ่ง ก่อนการเริ่มออกกำลังกาย

วิธีเผาผลาญไขมันให้มากขึ้นบนลู่วิ่ง

แม้ว่าการเผาผลาญไขมันและแคลอรี่จะแตกต่างกันไป แต่ก็มีวิธีเพิ่มการใช้พลังงานในการออกกำลังกายที่มากขึ้น ลองฝึกเป็นช่วง  ๆ โดยการเพิ่มความเร็วของการวิ่ง และปรับระดับความชัน เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ตามด้วยการเดินช้า หรือที่เรียกว่า HIIT ที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและแคลอรี่ได้ดี นอกจากนี้ลองเพิ่มระยะเวลาของการออกกำลังกายอีก 10 เปอร์เซนต์ ก็จะช่วยให้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น หากเพิ่มเวลาและระยะทางในการเดินหรือวิ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ ทุก ๆ สัปดาห์ วิธีนี้จะช่วยให้การเผาผลาญทำได้ดีขึ้น ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นด้วยค่ะ

การออกกำลังกายด้วยการวิ่งบนลู่วิ่งก็ช่วยให้เผาผลาญได้ดี แถมยังไม่ต้องไปเจอกับสภาพอากาศที่ร้อน และยังห่างไกลจากฝุ่น PM2.5 อีกด้วย การวิ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ปอดและหัวใจทำงานได้ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย

อ้างอิง


แชร์บทความนี้